ย้อนกลับไปเมื่อ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ กลางฤดูกาล 2017-18

วันที่ นาบี เกอิต้า กับ 8 เดือนของการเปลี่ยนแปลงในฐานะแข้งหงส์ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
แถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่าเซ็นสัญญาซื้อตัว นาบี เกอิต้า จาก อาร์บี ไลป์ซิก ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ด้วยค่าตัวราว 52 ล้านปอนด์ เชื่อว่าเด็กหงส์ทั่วโลกต้องรู้สึกยินดีจนเฮกันลั่นซอยอย่างแน่นอน เพราะผลงานของมิดฟิลด์วัย 24 ปีคนนี้ โดดเด่นมากจนหลายสโมสรดังทั่วโลกพยายามแย่งซื้อตัวกันอุตลุด แต่สุดท้ายเขาเลือกย้ายมาค้าแข้งกับพี่ชายสุดที่รักอย่าง ซาดิโอ มาเน ที่แอนฟิลด์ ความโดดเด่นของ เกอิต้า ที่เราเห็นกันจนชินตาจากสมัยเล่นอยู่ในบุนเดสลีกา คือความแข็งแกร่งยามตั้งรับ แล้วพาบอลทะลวงขึ้นหน้าได้ด้วยตัวเองจนถึงกรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้ามก่อนจะแอสซิสต์ให้เพื่อน หรือยิงเองก็ทำได้มีประสิทธิภาพสูงจนน่าทึ่ง และนั่นคือสิ่งที่ เจอร์เกน คล็อปป์ รวมถึง เดอะ ค็อป ทั้งโลกหวังจะได้เห็นถ้าหาก เกอิต้า ได้ลงเล่นให้ทีม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าเลยก็คือ สตาร์ทีมชาติกินี คนนี้เค้นฟอร์มการเล่นสมัยอยู่ ไลป์ซิก ออกมาไม่ได้เลยในช่วงต้นซีซั่นจนแถมยังโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนต้องถูกลดความสำคัญลงต่อเนื่องจนหลาย ๆ คนวิเคราะห์ว่าล้มเหลวจนอาจถูกขายทิ้งเลยด้วยซ้ำ ปัญหาของ เกอิต้า คืออะไร  เชื่อว่าสาวกหงส์แดงส่วนใหญ่น่าจะตั้งคำถามประมาณนี้ขึ้นมาในหัว คำตอบเดียวที่ชัดเจนสุด ๆ ก็คือเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับปรัชญาการเล่นของ เจอร์เกน คล็อปป์ รวมถึงความหนักหน่วงรวดเร็วแบบ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั่นแหละ แต่ถึงแม้ กุนซือเฮฟวี่เมทัล จะพยายามให้โอกาส เกอิต้า มากแค่ไหนแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาอยู่ดี เพราะสไตล์ดั้งเดิมของเขานั้นมีความแปลกประหลาดกว่านักฟุตบอลปกติธรรมดาทั่วไปอยู่มาก ซึ่งนี่แหละคือจุดที่ไม่ค่อยมีใครตั้งข้อสังเกต หากยังจำกันได้ เกอิต้า เป็นมิดฟิลด์ที่มี จังหวะประหลาด เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงบอลขึ้นหน้า หรือการส่งให้เพื่อนโดยเฉพาะตอนเข้าสู่พื้นที่สุดท้าย เขาชอบดึงจังหวะเล็กน้อยประมาณ ครึ่ง-หนึ่งจังหวะก่อนจะเล่นต่อเสมอ หากมองแบบผิวเผินหรือเห็นครั้งแรก ๆ อาจจะรู้สึกว่า เท่จัง แปลก ๆ แบบนี้แหละคู่ต่อสู้จับทางได้ยาก ซึ่งมันก็ถูก แต่แค่ครึ่งหนึ่ง เพราะเพื่อนร่วมทีมเองก็จับทาง เกอิต้า ยากตามไปด้วยเช่นกัน ด้วยความที่ระบบของ คล็อปป์ เป็นอะไรที่ค่อนข้างเข้มงวดอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ผู้เล่น ลิเวอร์พูล คนอื่น ๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับ เกอิต้า แต่เป็น เกอิต้า ต่างหากที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น ๆ หลังจากนั้น โอกาสของ เกอิต้า ก็ค่อย ๆ ลดลงอย่างที่บอกไว้ก่อนหน้าจนสื่อหลายเจ้าร้อนรนกันยกใหญ่ว่าน่าจะหมดอนาคตแล้ว  แต่สำหรับ เจอร์เกน คล็อปป์, เกอิต้า และนักเตะหงส์แดงทุกคน พวกเขาใจเย็นกับเรื่องนี้มากเพราะทราบดีว่าเจ้าเพื่อนใหม่กำลังทำงานหนักบางอย่างอยู่เพื่อเปลี่ยนแปลงและดัดนิสัยประหลาดของตัวเองให้กลับมาปกติเหมือนคนอื่นทั่วไปอยู่ จนกระทั่ง 8 เดือนผ่านไปนับตั้งแต่วันที่ เกอิต้า เริ่มถูกลดบทบาทลงในเดือนกันยายน พร้อมกับถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานจนสภาพร่างกายไม่เคยฟิตสมบูรณ์ เขาก็พร้อมลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างมั่นใจอีกครั้งในเกมกับ คริสตัล พาเลซ ตอนต้นเดือนเมษายน และนั่นก็เป็นวันที่ นาบี เกอิต้า แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสไตล์การเล่น จังหวะประหลาดที่เคยเป็นดูเท่แต่เป็นปัญหาถูกลบทิ้งไปแบบถาวร วิธีการยืนตำแหน่งที่เคยห่างจากเพื่อนฝูงจนไร้ประโยชน์ก็กลับมากลมกลืนกับเพื่อนฝูง ไลน์วิ่งถูกพัฒนาขึ้นจากเดิมมากจนสร้างความอันตรายให้แนวรับฝ่ายตรงข้ามได้บ่อย ๆ สำคัญสุดคือ เกอิต้า ทำประตูได้ด้วย ! ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้เขาก็กลายเป็นมิดฟิลด์ตัวหลักที่ระเบิดฟอร์มเทพออกมาได้ทุกครั้งที่ลงเล่น มีส่วนร่วมกับเกมมากมายแตกต่างจากเมื่อ 8 เดือนก่อนโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดต้องขอบคุณความอดทนของทั้งตัวนักเตะ เจอร์เกน คล็อปป์ ทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช รวมถึงเพื่อนหงส์ทุกคน ที่รอคอยช่วงเวลานี้อย่างใจเย็น จนสุดท้าย เกอิต้า ก็แก้ไขนิสัยเสียที่ไม่จำเป็นออกไปได้ทั้งหมด จนเราเข้าใจแล้วว่าเม็ดเงินทุกเพนนีที่สโมสรลงทุนให้ไปนั้นคุ้มค่าจริง แม้จะช้าไปหน่อยสำหรับฤดูกาลปัจจุบัน แต่อย่างน้อยก็ถือว่ามาทันเวลา เพราะหาก ลิเวอร์พูล เกิดมีแชมป์ติดไม้ติดมือมาบ้าง ก็ถือว่า เกอิต้า นี่แหละมีส่วนสำคัญอย่างแท้จริง

อ่านต่อไปที่ >> https://www.indigo-line.com/%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5-dafabet/

Comments